พลาสติก PVC หรือโพลีไวนิลคลอไรด์ คือ หนึ่งในพลาสติกที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากความสามารถในการปรับแต่งคุณสมบัติได้หลากหลาย ทั้งในด้านความยืดหยุ่น, ความแข็ง, การทนต่อสารเคมี และความทนทานต่อการสึกหรอ ด้วยเหตุนี้ PVC คือ บทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่างๆ และมีการใช้งานที่หลากหลาย
PVC คือ ?
Polyvinyl Chloride หรือ PVC เป็นพลาสติกประเภทหนึ่งที่มีคุณสมบัติพิเศษ และ มีลักษณะเป็นพลาสติกแข็งสีขาว ไม่มีกลิ่น และเปราะ แต่ทว่ามีความต้านทานต่อการออกซิเดชัน และการเสื่อมสภาพได้ดี ทำให้สามารถเก็บรักษาได้นาน ในการผลิตอาจมีการเติมสารเสริมสภาพพลาสติกเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผลิตภัณฑ์ เป็นวัสดุที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมหลายประเภท เนื่องจากมีน้ำหนักเบา ความใส ความแข็งแรง ราคาถูก และสามารถขึ้นรูปได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติ
- ความแข็งแรง และทนทาน มีความแข็งแรง, ทนทานต่อสภาวะอากาศ และสิ่งแวดล้อมได้ดี ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เสื่อมสภาพ
- การต้านทานสารเคมี และน้ำ มีความต้านทานสารเคมีและน้ำ ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับสารเคมีหรือน้ำ
- เป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี ป้องกันแรงดันไฟฟ้าได้ดี ทำให้ถูกนำมาใช้ในการผลิตสายไฟ และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า
- การเติมสารเติมแต่ง สามารถเติมสารเติมแต่งต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถเปลี่ยนจากสภาพที่แข็งและคงทน ไปจนถึงสภาพที่อ่อนนิ่ม และยืดหยุ่นได้รวมไปถึง สามารถผสมสีและแต่งสีได้อย่างไม่จำกัด
การใช้งานของ PVC ที่หลากหลายนั้นสะท้อนถึงคุณสมบัติและความแตกต่างจากพลาสติกอื่น ๆ ทำให้มันถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลายแขนง ตั้งแต่การใช้งานในบ้านเรือนไปจนถึงการใช้งานในอุตสาหกรรม เช่น ท่อน้ำ, ท่อระบายน้ำในอุตสาหกรรมก่อสร้าง, ฉนวนสำหรับสายไฟ, สายเคเบิล, วัสดุบรรจุภัณฑ์, วัสดุสำหรับผลิตภัณฑ์การแพทย์ เช่น สายน้ำเกลือ และถุงเลือด, รวมถึงในสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬา
ความสามารถในการปรับแต่งคุณสมบัติ
ความยืดหยุ่นในการปรับแต่งคุณสมบัติของพลาสติก PVC คือหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้มันเป็นวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม การปรับปรุงคุณสมบัติเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของผู้ใช้และสภาพแวดล้อมการใช้งานได้
ความใส หรือ ทึบ
สามารถปรับเปลี่ยนให้มีความใส หรือทึบได้ตามความต้องการ ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ โปร่งแสง อย่างเช่น ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สามารถเห็นสินค้าภายในได้ หรือใช้เป็นวัสดุที่ต้องการความทึบเพื่อปกปิดภายใน
สีสัน
การเพิ่มสีสันเป็นอีกหนึ่งการปรับแต่งที่สำคัญ สามารถเพิ่มสีได้หลากหลายตามความต้องการเพื่อความสวยงาม ทำให้เหมาะกับการนำไปใช้ในสินค้าที่ต้องการความสวยงาม และดึงดูดสายตา
ความแข็งและความนิ่ม
สามารถปรับคุณสมบัติความแข็ง และความนิ่มของวัสดุได้ตามความต้องการด้วยการใช้สารเติมแต่ง ซึ่งมักพบการใช้งานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมอื่นๆ ตัวอย่างของวัสดุที่มีความแข็ง เช่น ท่อ และกรอบหน้าต่างประตู เป็นต้น ในขณะที่วัสดุที่มีความนิ่มได้แก่ พื้นรองเท้า, สายไฟ และสายน้ำเกลือ เป็นต้น
ความยืดหยุ่น
สามารถปรับให้มีความเหนียวหรือทนแรงดึงได้ตามความต้องการ ทำให้เหมาะสมกับการนำไปใช้ในสินค้าที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น สายไฟฟ้า, ท่ออ่อน, และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการแพทย์
ความทนแรงกระแทก
การปรับปรุงให้ มีความทนต่อแรงกระแทกสูง เพิ่มความเหมาะสมในการใช้งานสำหรับสภาพแวดล้อมที่ต้องเผชิญกับการกระแทกหรือการสึกหรอบ่อยครั้ง เช่น ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง
การทนความร้อน และการลามไฟ
สามารถออกแบบ และปรับปรุงให้สามารถทนต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับลดความเสี่ยงที่จะเกิดการลามของไฟ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า ตัวอย่างของมาตรฐานที่ใช้ในการวัดระดับความทนไฟของวัสดุ ได้แก่ UL94 ซึ่งมีหลากหลายระดับ เช่น UL 94 HB, UL 94 V-2, UL 94 V-1, UL 94 V-0, UL 94 5VB, และ UL 94 5VA เป็นต้น
